1. วิธีติดตั้ง pip บน Ubuntu
บน Ubuntu เครื่องมือจัดการแพ็กเกจของ Python อย่าง pip เป็นสิ่งจำเป็น ด้วย pip คุณสามารถจัดการไลบรารีและโมดูลของ Python ได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้การพัฒนารวดเร็วยิ่งขึ้น ในส่วนนี้เราจะอธิบายขั้นตอนการติดตั้ง pip บน Ubuntu
1.1 วิธีติดตั้ง pip สำหรับ Python 3
ใน Ubuntu จะติดตั้ง Python 3 มาให้อัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ pip ต้องติดตั้งเพิ่มเติมด้วยตนเอง โปรดดำเนินการตามขั้นตอนด้านล่างนี้
- อัปเดตรายการแพ็กเกจ
sudo apt update
คำสั่งนี้จะดาวน์โหลดรายการแพ็กเกจล่าสุด และอัปเดตข้อมูลของระบบ
- ติดตั้ง pip
sudo apt install python3-pip
หลังจากรันคำสั่งนี้ pip จะถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้ว
- ตรวจสอบการติดตั้ง
pip3 --version
ใช้คำสั่งนี้เพื่อตรวจสอบว่า pip ติดตั้งสำเร็จหรือไม่
1.2 วิธีติดตั้ง pip สำหรับ Python 2
แม้ว่า Python 2 จะสิ้นสุดการสนับสนุนแล้ว แต่บางกรณีอาจยังจำเป็นต้องใช้ สามารถติดตั้งได้ตามขั้นตอนนี้
- เปิดใช้งาน Universe repository
sudo add-apt-repository universe
sudo apt update
- ติดตั้ง Python 2 และ pip
sudo apt install python2
curl https://bootstrap.pypa.io/get-pip.py --output get-pip.py
sudo python2 get-pip.py

2. pip คืออะไร? ภาพรวมของเครื่องมือจัดการแพ็กเกจ Python
pip คือเครื่องมือสำหรับติดตั้งไลบรารีและโมดูลของ Python จาก PyPI (Python Package Index) ได้อย่างสะดวก ช่วยให้สามารถจัดการ dependencies ได้ง่ายขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนา
2.1 หน้าที่หลักของ pip
pip สามารถใช้งานดังนี้
- ติดตั้งแพ็กเกจ
pip install <ชื่อแพ็กเกจ>
- ถอนการติดตั้งแพ็กเกจ
pip uninstall <ชื่อแพ็กเกจ>
- อัปเกรดแพ็กเกจ
pip install --upgrade <ชื่อแพ็กเกจ>
2.2 ข้อดีของ pip
- จัดการ dependencies อัตโนมัติ: pip จะช่วยตรวจสอบและติดตั้ง dependencies ที่จำเป็นสำหรับแต่ละแพ็กเกจให้เอง
- ติดตั้งไลบรารีล่าสุดได้อย่างง่ายดาย: สามารถติดตั้งไลบรารีใหม่ล่าสุดจาก PyPI ได้ทันที
3. ข้อควรระวังในการใช้ pip บน Ubuntu
เมื่อใช้ pip บน Ubuntu อาจเกิดปัญหาได้หากใช้ร่วมกับระบบจัดการแพ็กเกจหลัก (apt) ถ้าไม่ต้องการให้กระทบทั้งระบบ แนะนำให้ใช้ --user
เพื่อติดตั้งที่ระดับผู้ใช้เท่านั้น
3.1 การติดตั้งด้วย --user
pip install --user <ชื่อแพ็กเกจ>
แพ็กเกจจะถูกติดตั้งในโฟลเดอร์ส่วนตัวของผู้ใช้ และไม่กระทบกับระบบทั้งหมด
3.2 วิธีแก้ไขข้อผิดพลาดของ pip install
ใน Ubuntu 23.04 ขึ้นไป อาจเจอข้อผิดพลาดหากใช้ pip นอก virtual environment วิธีแก้ไขคือให้สร้าง virtual environment ก่อน แล้วค่อยติดตั้ง หรือจะใช้ pipx
เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชันก็ได้
4. การตั้งค่า virtual environment และการใช้ pip
หากคุณมีหลายโปรเจกต์ที่ต้องใช้ไลบรารีต่างกัน การใช้ virtual environment จะช่วยป้องกันปัญหาความขัดแย้งของไลบรารี virtual environment ช่วยให้แต่ละโปรเจกต์มี dependencies ของตัวเอง และทำให้การพัฒนาเป็นระเบียบมากขึ้น
4.1 การสร้าง virtual environment
ขั้นแรก ติดตั้ง venv
module แล้วสร้าง virtual environment ตามตัวอย่าง
sudo apt install python3-venv
python3 -m venv myenv
4.2 การเปิดใช้งาน virtual environment
เพื่อเปิดใช้งาน virtual environment ให้รันคำสั่งนี้
source myenv/bin/activate
เมื่อเปิดใช้งานสำเร็จ prompt จะเปลี่ยนและแสดงชื่อ virtual environment
4.3 การจัดการแพ็กเกจใน virtual environment
ขณะอยู่ใน virtual environment สามารถใช้ pip ติดตั้งแพ็กเกจได้เหมือนปกติ
pip install <ชื่อแพ็กเกจ>
4.4 การออกจาก virtual environment
ถ้าต้องการออกจาก virtual environment ให้ใช้คำสั่งนี้
deactivate
5. การแก้ปัญหา: ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับ pip และ virtual environment
การใช้ virtual environment หรือ pip อาจพบปัญหาได้ ในส่วนนี้จะแนะนำปัญหาทั่วไปและแนวทางแก้ไข
5.1 กรณีเปิดใช้งาน virtual environment ไม่ได้
ถ้าเปิดใช้งาน virtual environment ไม่ได้ ให้เช็คว่าคุณอยู่ในโฟลเดอร์ที่ถูกต้องหรือไม่ ตรวจสอบว่าไฟล์ activate
มีอยู่จริงด้วยคำสั่งนี้
ls /path/to/your/environment/bin
5.2 เมื่อติดตั้งแพ็กเกจไม่สำเร็จ
หากไม่ได้เปิดใช้งาน virtual environment แพ็กเกจอาจติดตั้งไปที่ระบบหลัก ลองเปิดใช้งาน virtual environment แล้วติดตั้งใหม่อีกครั้ง
5.3 การแก้ไขข้อผิดพลาดระหว่างติดตั้ง pip
หากใน Ubuntu 23.04 ขึ้นไปเจอ error ว่า “externally managed environment” ให้ใช้ virtual environment หรือติดตั้งแอปผ่าน pipx
แทน