1. บทนำ
ความสำคัญของ Vim ใน Ubuntu
ในระบบปฏิบัติการ Linux เช่น Ubuntu นั้น Vim ถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมแก้ไขข้อความที่สำคัญมาก
“Vim (Vi IMproved)” เป็นเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงมาจาก “vi” ซึ่งเป็นโปรแกรมแก้ไขข้อความที่มีมายาวนาน มีจุดเด่นที่การใช้งานที่รวดเร็วและปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น
ไม่ว่าจะเป็นงานดูแลเซิร์ฟเวอร์หรือการเขียนโปรแกรม การใช้ Vim ในสภาพแวดล้อม Linux จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก ดังนั้นการใช้ Vim เป็นจึงถือเป็นข้อได้เปรียบของผู้ใช้ Ubuntu
ข้อดีของการใช้ Vim
การติดตั้งและใช้งาน Vim บน Ubuntu มีข้อดีมากมาย
สรุปจุดเด่นหลักไว้ดังนี้
- น้ำหนักเบาและรวดเร็ว:เปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลกับเครื่องที่สเปคต่ำ
- ปรับแต่งได้หลากหลาย:สามารถปรับแต่งผ่านไฟล์ตั้งค่า (.vimrc) ให้เป็นสไตล์ที่ตัวเองต้องการ
- เหมาะกับการใช้คีย์บอร์ด:ควบคุมทุกอย่างได้ด้วยคีย์บอร์ด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมาก
- ขยายความสามารถด้วยปลั๊กอิน:สามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ตามต้องการผ่านปลั๊กอิน ทำให้ Vim เป็นโปรแกรมที่ปรับแต่งได้ไม่รู้จบ
จุดประสงค์และโครงเรื่องของบทความนี้
บทความนี้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ “การติดตั้งและใช้งาน Vim บน Ubuntu ได้จริง”
ไม่เพียงแต่ขั้นตอนการติดตั้งเท่านั้น แต่ยังอธิบายพื้นฐาน การตั้งค่าเบื้องต้น การตั้งค่าการพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น และวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างละเอียด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
ขอให้ทุกท่านติดตามจนจบ เพื่อก้าวแรกในการเริ่มใช้ Vim บน Ubuntu อย่างมั่นใจ
2. การติดตั้ง Vim บน Ubuntu
ตรวจสอบว่า Vim ถูกติดตั้งอยู่แล้วหรือไม่
ใน Ubuntu บางครั้งจะมี “vim-tiny” รุ่นย่อของ Vim ติดตั้งมาให้ล่วงหน้า
ก่อนอื่น ให้เปิดเทอร์มินัลและรันคำสั่งต่อไปนี้เพื่อตรวจสอบว่า Vim ถูกติดตั้งไว้หรือยัง
vim --version
หากแสดงข้อมูลเวอร์ชัน แปลว่ามีการติดตั้งไว้แล้ว
ถ้าขึ้น error หรือบอกว่าเป็น “vim-tiny” รุ่นย่อ แนะนำให้ติดตั้ง Vim รุ่นเต็มเพื่อใช้งานฟีเจอร์ครบถ้วน
ขั้นตอนการติดตั้ง Vim
บน Ubuntu สามารถติดตั้ง Vim ได้ง่าย ๆ ด้วย APT (Advanced Package Tool) ซึ่งเป็นระบบจัดการแพ็กเกจมาตรฐาน
ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อติดตั้ง Vim เวอร์ชันล่าสุด
1. อัปเดตรายการแพ็กเกจ
เริ่มต้นด้วยการอัปเดตรายการแพ็กเกจในระบบให้เป็นปัจจุบัน
sudo apt update
2. ติดตั้ง Vim
จากนั้นติดตั้ง Vim จริง
sudo apt install vim
เมื่อรันคำสั่งนี้ ระบบจะดาวน์โหลดและติดตั้งแพ็กเกจที่จำเป็นโดยอัตโนมัติ
หากมีการถามว่า “ดำเนินการต่อหรือไม่? [Y/n]” ให้กด Y
แล้ว Enter
ตรวจสอบเวอร์ชันของ Vim
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ให้ตรวจสอบเวอร์ชันของ Vim อีกครั้ง
vim --version
จะแสดงข้อมูลเวอร์ชันและ options ต่าง ๆ เช่น +clipboard
ถ้ามี “+clipboard” แสดงว่าสามารถ copy-paste ข้ามแอปได้ สะดวกยิ่งขึ้น
เพิ่มเติม: วิธีติดตั้งจาก Ubuntu Software Center (เหมาะสำหรับมือใหม่)
หากไม่ถนัดการใช้เทอร์มินัล สามารถติดตั้ง Vim จาก “Ubuntu Software Center” ได้เช่นกัน
- เปิด “Ubuntu Software” จากเมนูแอป
- ค้นหาด้วยคำว่า “Vim”
- เลือก Vim ที่แสดงขึ้นมา แล้วคลิกปุ่ม “ติดตั้ง (Install)”
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นกับ Linux สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้คำสั่งใด ๆ
3. การตั้งค่าพื้นฐานของ Vim
บทบาทและวิธีสร้างไฟล์ .vimrc
หากต้องการปรับแต่งการทำงานของ Vim จะใช้ไฟล์ตั้งค่าชื่อ “.vimrc
“
โดยเขียนค่าต่าง ๆ ไว้ในไฟล์นี้ เมื่อเปิด Vim ระบบจะโหลดการตั้งค่าให้อัตโนมัติ ทำให้ใช้งานสะดวกขึ้น
ไฟล์ .vimrc
นี้มักจะอยู่ที่ home directory ของผู้ใช้ (~/.vimrc
)
ถ้ายังไม่มีไฟล์ ให้สร้างใหม่ด้วยคำสั่งด้านล่าง
touch ~/.vimrc
หลังจากสร้างไฟล์แล้ว ให้เปิดแก้ไขด้วย Vim หรือ editor อื่น ๆ
vim ~/.vimrc
การตั้งค่าพื้นฐานที่แนะนำสำหรับมือใหม่
สำหรับผู้เริ่มต้นใช้ Vim บน Ubuntu แนะนำให้ตั้งค่าพื้นฐานดังต่อไปนี้
แสดงหมายเลขบรรทัด
การแสดงหมายเลขบรรทัดจะช่วยให้แก้ไขโค้ดและข้อความได้สะดวกขึ้น
set number
เปิดการเน้นสีตามไวยากรณ์ (Syntax Highlight)
ช่วยให้โค้ดอ่านง่ายขึ้น โดยแสดงสีตามประเภทคำสั่ง
syntax on
ตั้งค่าการเยื้องบรรทัด (Indentation)
ตั้งค่าให้เว้นวรรคเป็น 4 ช่องเพื่อความเรียบร้อยและอ่านโค้ดง่าย
set tabstop=4
set shiftwidth=4
set expandtab
ไม่สนใจตัวพิมพ์เล็ก-ใหญ่ขณะค้นหา
ตั้งค่าให้การค้นหาไม่แยกตัวพิมพ์เล็ก-ใหญ่ เพื่อให้ค้นหาสะดวก
set ignorecase
set smartcase
ignorecase
จะไม่แยกเล็ก-ใหญ่เสมอsmartcase
จะมีผลเมื่อมีตัวใหญ่ในคำค้นหาเท่านั้น
การบันทึกและใช้งานการตั้งค่า
เมื่อเขียนค่าใน .vimrc
แล้ว อย่าลืมบันทึกไฟล์ และปิด-เปิด Vim ใหม่
Vim จะอ่านค่า .vimrc
ทุกครั้งที่เปิดใช้งาน
หากต้องการรีโหลดการตั้งค่าทันทีโดยไม่ต้องปิดเปิดใหม่ ใช้คำสั่งนี้ใน Vim ได้เลย
:source ~/.vimrc
วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ทดลองตั้งค่าใหม่ ๆ หลายครั้ง
4. การตั้งค่าสภาพแวดล้อมสำหรับการพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น
ติดตั้งและตั้งค่าโปรแกรมพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น (IME)
หากต้องการพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นใน Vim จำเป็นต้องติดตั้ง IME ให้ถูกต้องบน Ubuntu
IME ที่นิยม เช่น “fcitx-mozc” และ “ibus-mozc” ด้านล่างนี้จะแนะนำวิธีติดตั้งทั้งสองแบบ
ติดตั้ง fcitx-mozc
fcitx เป็น IME ที่น้ำหนักเบาและรวดเร็ว ผู้ใช้ Ubuntu นิยมใช้มาก
ใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อติดตั้ง fcitx กับ Mozc
sudo apt update
sudo apt install fcitx-mozc
หลังติดตั้ง ให้ไปที่ “Language Support” แล้วเปลี่ยนคีย์บอร์ดอินพุตเป็น “fcitx”
จากนั้น log in ใหม่เพื่อเริ่มใช้งาน fcitx
ติดตั้ง ibus-mozc
หากใช้ IBus ซึ่งเป็นระบบอินพุตมาตรฐานของ Ubuntu ให้ติดตั้ง Mozc ด้วยคำสั่งนี้
sudo apt update
sudo apt install ibus-mozc
หลังติดตั้ง ไปที่ “Region & Language” แล้วเพิ่ม “Japanese (Mozc)” ใน “Input Sources”
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นใน Vim
Vim พัฒนามาสำหรับภาษาอังกฤษเป็นหลัก ดังนั้นการใช้กับภาษาญี่ปุ่นมีข้อควรระวัง
พฤติกรรมของ IME ตามโหมดใน Vim
Vim มีโหมดหลักคือ “Normal mode” กับ “Insert mode”
โดยปกติ จะใช้ IME เฉพาะขณะอยู่ใน Insert mode
หากเปิด IME ใน Normal mode อาจก่อให้เกิดคำสั่งผิดพลาด ควรสลับ IME ตามโหมดเพื่อป้องกันปัญหา

ปัญหาความเข้ากันได้ระหว่าง Vim กับ IME
บางกรณี Vim บน Ubuntu อาจไม่ทำงานร่วมกับ IME ได้ดี โดยเฉพาะบนเทอร์มินัล อาจไม่เห็นหน้าต่างเลือกตัวอักษรของ IME
หากเจอปัญหา แนะนำให้ลองใช้ GUI version ของ Vim (เช่น gvim) หรือปรับแต่งค่า font/encoding เพิ่มเติม
การตั้งค่าคีย์ลัดสลับภาษา (IME Shortcut)
เพื่อให้สลับพิมพ์ญี่ปุ่นกับอังกฤษได้ง่าย ควรกำหนดคีย์ลัด IME
เช่นถ้าใช้ fcitx ให้ตั้งค่าตามนี้
- เปิดหน้าต่างตั้งค่า fcitx
- เลือกแท็บ “การตั้งค่าทั่วไป” (Global Settings)
- ตั้งค่า “สลับโหมดอินพุต” เป็นคีย์ที่ต้องการ (เช่นปุ่ม 半角/全角)
ทำให้สามารถสลับภาษาได้รวดเร็วทั้งใน Vim และแอปอื่น ๆ
5. เพื่อประสบการณ์การใช้ Vim ที่ดียิ่งขึ้น
แนะนำปลั๊กอินที่มีประโยชน์
Vim มีฟีเจอร์มาตรฐานที่แข็งแกร่ง แต่หากใช้ปลั๊กอินจะยิ่งช่วยให้ใช้งานสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ต่อไปนี้คือปลั๊กอินแนะนำสำหรับผู้ใช้ Vim บน Ubuntu
vim-airline
vim-airline
เป็นปลั๊กอินสำหรับตกแต่ง status bar ของ Vim ให้ดูดีและแสดงข้อมูลสำคัญอย่างครบถ้วน
สามารถดูชื่อไฟล์ เลขบรรทัด encoding ฯลฯ ได้ง่ายขึ้น เพิ่มความสะดวกขณะทำงาน
วิธีติดตั้งตัวอย่าง:
Plug 'vim-airline/vim-airline'
ดูวิธีติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมในหัวข้อเกี่ยวกับ plugin manager ด้านล่าง
nerdtree
nerdtree
คือปลั๊กอินที่แสดง tree ของไฟล์/โฟลเดอร์ใน Vim
เหมาะกับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ต้องการดูโครงสร้างไฟล์คล้าย editor แบบ GUI
วิธีติดตั้งตัวอย่าง:
Plug 'preservim/nerdtree'
เปิดใช้งาน NERDTree ด้วยคำสั่งนี้
:NERDTreeToggle
ไฟล์ tree จะแสดงที่ sidebar ใน Vim ทันที
วิธีติดตั้ง Plugin Manager (vim-plug)
หากต้องการจัดการปลั๊กอินหลายตัว แนะนำให้ติดตั้ง plugin manager ที่ใช้งานง่ายและนิยมมากคือ “vim-plug”
ขั้นตอนการติดตั้ง vim-plug
- ดาวน์โหลดและวางไฟล์ vim-plug
curl -fLo ~/.vim/autoload/plug.vim --create-dirs https://raw.githubusercontent.com/junegunn/vim-plug/master/plug.vim
- เขียนรายการปลั๊กอินลงใน
.vimrc
call plug#begin('~/.vim/plugged')
Plug 'vim-airline/vim-airline'
Plug 'preservim/nerdtree'
call plug#end()
- เปิด Vim แล้วรันคำสั่งนี้
:PlugInstall
ปลั๊กอินทั้งหมดที่ตั้งไว้จะถูกติดตั้งโดยอัตโนมัติ
วิธีแก้ปัญหาเคอร์เซอร์ช้าขณะพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น
บางครั้งเมื่อพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นใน Vim อาจพบว่าการเคลื่อนเคอร์เซอร์ช้า หรือไม่ราบรื่น
วิธีแก้มีดังนี้
ตั้งค่า IME ให้เปิด/ปิดอัตโนมัติตามโหมด
ใช้ปลั๊กอินเช่น “fcitx.vim” เพื่อสลับ IME อัตโนมัติตามโหมด Vim จะช่วยป้องกันการพิมพ์ผิดและใช้งานได้สะดวกขึ้น
ใช้ skkeleton (สำหรับ Neovim)
หากใช้ Neovim แนะนำปลั๊กอิน “skkeleton” ซึ่งช่วยให้ควบคุมการพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์ใน Vim
6. การแก้ไขปัญหา (Troubleshooting)
Vim เปิดไม่ติดหรือมี error
หลังติดตั้ง Vim แล้วพบ error ขณะเปิดใช้งาน หรือเปิดไม่ติด อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
- มี dependency บางตัวไม่ถูกติดตั้ง
- ไฟล์ตั้งค่า
.vimrc
มีข้อผิดพลาด - ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงไฟล์บางไฟล์
วิธีแก้ไข
- ตรวจสอบว่า Vim ถูกติดตั้งครบถ้วนหรือไม่
vim --version
- หากพบปัญหา ลองลบและติดตั้งใหม่
sudo apt remove vim
sudo apt install vim
- หากมีปัญหาที่ไฟล์
.vimrc
ให้ลองเปิด Vim แบบไม่โหลดไฟล์ตั้งค่า
vim -u NONE
ถ้าเปิดได้แปลว่าไฟล์ .vimrc
อาจมี error ให้ตรวจสอบอีกครั้ง
กรณีพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ให้ตรวจสอบสิ่งเหล่านี้
หากใช้ Vim หรือโปรแกรมอื่น ๆ บน Ubuntu แล้วพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้ โดยเฉพาะใน Vim อาจต้องเช็ก IME
- IME (fcitx/ibus) ทำงานปกติหรือไม่
- ตั้งค่าระบบให้เปิดใช้งานแหล่งอินพุตภาษาญี่ปุ่นแล้วหรือยัง
- ตั้งค่า font หรือ encoding ใน terminal ถูกต้องหรือไม่
ถ้าใช้ Vim เวอร์ชัน terminal แล้วไม่ได้ผล ลองใช้ GUI version (gvim) ดู
หากตั้งค่าไม่ถูกโหลด ให้เช็กตามนี้
ถ้าเขียนค่าลง .vimrc
แล้วแต่ไม่มีผล ให้ตรวจสอบทีละข้อดังนี้
- ไฟล์
.vimrc
อยู่ที่ home directory หรือไม่
- เช็กพาธ:
~/.vimrc
- ชื่อไฟล์ถูกต้องหรือไม่
- ระวังตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (เช่นต้องเป็น
.vimrc
ไม่ใช่.Vimrc
)
- มีข้อผิดพลาดในการพิมพ์หรือเปล่า
- คำสั่ง Vim ต้องเขียนถูกต้อง ตัวสะกดผิดจะใช้ไม่ได้
- หลังบันทึกไฟล์แล้ว รีสตาร์ท Vim หรือยัง
- หรือใช้คำสั่งนี้เพื่อให้การตั้งค่ามีผลทันที
:source ~/.vimrc
ถ้าตรวจสอบตามนี้เกือบทุกปัญหาจะถูกแก้ไขได้
7. สรุป
ขั้นตอนการเริ่มใช้ Vim บน Ubuntu
ตลอดบทความนี้ได้อธิบายวิธีติดตั้ง การตั้งค่าพื้นฐาน การพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น การติดตั้งปลั๊กอิน และวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับ Vim บน Ubuntu อย่างละเอียด
สรุปเป็นขั้นตอนสั้น ๆ ดังนี้
- ติดตั้ง Vim ผ่าน Terminal หรือ Ubuntu Software
- สร้างไฟล์
.vimrc
ตั้งค่าพื้นฐาน เช่น หมายเลขบรรทัด, syntax highlight ฯลฯ - ติดตั้ง fcitx-mozc หรือ ibus-mozc เพื่อใช้ภาษาญี่ปุ่น
- ติดตั้งปลั๊กอิน เช่น vim-airline หรือ nerdtree เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- หากเกิดปัญหาเช่น error หรือพิมพ์ญี่ปุ่นไม่ได้ ให้ตรวจสอบและแก้ไขตามขั้นตอน
ถ้าทำตามนี้ มือใหม่ก็จะเริ่มใช้ Vim บน Ubuntu ได้อย่างราบรื่น
ก้าวต่อไป: ใช้งาน Vim ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
สิ่งที่นำเสนอในบทความนี้คือก้าวแรกของโลก Vim เท่านั้น
Vim เป็นโปรแกรมที่ปรับแต่งและเรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุด ยิ่งใช้มากก็ยิ่งพัฒนาสภาพแวดล้อมได้เอง
ต่อไปนี้คือหัวข้อแนะนำสำหรับศึกษาต่อยอด
- การตั้งค่าอัตโนมัติด้วย Vim script (VimL)
- การตั้งค่าสภาพแวดล้อมโปรแกรมขั้นสูงด้วย LSP (Language Server Protocol)
- เปลี่ยนไปใช้ Neovim และฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ
- ปรับแต่งการเขียนสลับระหว่างภาษาญี่ปุ่นกับอังกฤษให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ขอให้สนุกกับการสร้างสภาพแวดล้อม Vim ในสไตล์ของตัวเอง!