การอัปเกรด Ubuntu: คู่มือเตรียมตัวและขั้นตอนอย่างละเอียดสำหรับเวอร์ชันล่าสุด

目次

1. การเตรียมตัวก่อนอัปเกรดเวอร์ชัน

ก่อนที่คุณจะอัปเกรด Ubuntu เป็นเวอร์ชันใหม่ มีขั้นตอนสำคัญบางอย่างที่ต้องเตรียมให้พร้อม หากละเลยขั้นตอนเหล่านี้ อาจเกิดปัญหาระหว่างการอัปเกรดหรือเสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูลได้ ที่นี่เราจะแนะนำขั้นตอนพื้นฐานเพื่อให้ระบบของคุณเสถียรและปลอดภัย

การสำรองข้อมูลระบบเป็นสิ่งจำเป็น

การอัปเกรด Ubuntu โดยปกติแล้วจะปลอดภัย แต่เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่ไม่คาดคิด การสำรองข้อมูลล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญมาก

วิธีสำรองข้อมูลที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นมีดังนี้:

  • คัดลอกไฟล์สำคัญไปยังฮาร์ดดิสก์ภายนอกหรือ USB
  • ใช้คำสั่ง rsync เพื่อสำรองข้อมูลโฮมไดเรกทอรีทั้งหมด
  • ใช้เครื่องมือสำรองข้อมูลอิมเมจเช่น Clonezilla

ตัวอย่างการสำรองข้อมูลด้วยคอมมานด์ไลน์มีดังนี้:

rsync -a --progress /home/your-username /media/backup-drive/

ควรให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลของคุณให้สมบูรณ์ที่สุด

อัปเดตระบบให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

เพื่อให้อัปเกรด Ubuntu ได้ราบรื่น ควรอัปเดตระบบปัจจุบันให้ใหม่ที่สุด โดยใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่ออัปเดตแพ็คเกจทั้งหมด

sudo apt update
sudo apt upgrade
sudo apt dist-upgrade

dist-upgrade จะช่วยให้อัปเดตที่มีการเปลี่ยนแปลง dependency ต่าง ๆ ดังนั้นห้ามข้ามขั้นตอนนี้ก่อนอัปเกรด

ลบแพ็คเกจที่ไม่จำเป็นออก

หากระบบมีแพ็คเกจที่ไม่จำเป็นเหลืออยู่ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดระหว่างอัปเกรดได้ ใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อลบแพ็คเกจที่ไม่จำเป็นและทำให้ระบบสะอาดขึ้น

sudo apt autoremove

ควรลบแคชออกด้วย จะช่วยให้มีพื้นที่ว่างในดิสก์มากขึ้น และทำงานได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

sudo apt clean

ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนอัปเกรด Ubuntu สำรองข้อมูลและบำรุงรักษาระบบให้ดี จะช่วยให้ย้ายไปเวอร์ชันถัดไปได้อย่างมั่นใจ

侍エンジニア塾

2. วิธีการอัปเกรดเวอร์ชัน

การอัปเกรด Ubuntu สามารถทำได้สองวิธีหลัก ๆ คือ ใช้ “GUI (กราฟิกอินเทอร์เฟซ)” หรือ “คอมมานด์ไลน์ (เทอร์มินัล)” ที่นี่เราจะแนะนำแต่ละวิธีพร้อมขั้นตอนและข้อควรระวัง

อัปเกรดผ่าน GUI (เหมาะสำหรับมือใหม่)

สำหรับผู้ใช้ Ubuntu Desktop การอัปเกรดผ่าน GUI เป็นวิธีที่เข้าใจง่ายและปลอดภัยที่สุด

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบการตั้งค่า

เปิด “Software & Updates” และไปที่แท็บ “Updates” ตรวจสอบว่า “Notify me of a new Ubuntu version” ถูกตั้งเป็น “For any new version” หรือ “For long-term support versions” ตามที่ต้องการ

ขั้นตอนที่ 2: เปิดตัวจัดการอัปเดต

เมื่อเปิด “Software Updater” ถ้ามีเวอร์ชันใหม่ ระบบจะแจ้งให้ทราบ

จุดสำคัญ: การอัปเกรดจาก LTS ไป LTS ถัดไป อาจต้องรอจนกว่าจะมี point release (.1) ของ LTS ใหม่นั้น

ขั้นตอนที่ 3: ดำเนินการอัปเกรด

เมื่อมีการแจ้งเตือน คลิก “Upgrade” และทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ จะมีหน้าต่างยืนยันหลายครั้ง โปรดตรวจสอบและยืนยันทุกขั้นตอน ระหว่างดำเนินการควรหลีกเลี่ยงการปิดเครื่อง

อัปเกรดผ่านคอมมานด์ไลน์ (เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับกลางขึ้นไป)

หากใช้ Ubuntu Server หรืออยากควบคุมรายละเอียด ให้เลือกอัปเกรดด้วยคอมมานด์ไลน์

ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้งแพ็คเกจที่จำเป็น

ตรวจสอบว่าได้ติดตั้งเครื่องมือสำหรับอัปเกรดแล้วหรือยัง ใช้คำสั่งนี้เพื่อติดตั้ง

sudo apt install update-manager-core

ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบไฟล์การตั้งค่า

เปิดไฟล์ /etc/update-manager/release-upgrades และตรวจสอบค่า Prompt= ให้ถูกต้องตามต้องการ

  • ถ้าต้องการใช้รุ่นปกติ: Prompt=normal
  • ถ้าต้องการเฉพาะ LTS: Prompt=lts
sudo nano /etc/update-manager/release-upgrades

ขั้นตอนที่ 3: เริ่มอัปเกรดเวอร์ชัน

ใช้คำสั่งนี้เพื่อเริ่มอัปเกรด

sudo do-release-upgrade

คำสั่งนี้จะอัปเกรด Ubuntu ไปยังเวอร์ชันถัดไปตามที่รองรับ อาจมีการสอบถามหรือแจ้งเตือนหลายครั้ง กรุณาอ่านข้อความอย่างละเอียด

เคล็ดลับ: หากใช้งานผ่าน SSH อาจใช้ตัวเลือก -d หรือ -f DistUpgradeViewNonInteractive เพื่อความสะดวก

ทั้งแบบ GUI หรือคอมมานด์ไลน์ เวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับระบบ โดยปกติ 30 นาที – 1 ชั่วโมง หลังเสร็จสิ้นอาจมีการแจ้งให้รีบูตเครื่อง

3. ข้อควรระวังระหว่างอัปเกรด

โดยทั่วไป การอัปเกรด Ubuntu จะปลอดภัย แต่ก็อาจมีปัญหาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ ที่นี่จะอธิบายปัญหาที่พบบ่อย วิธีแก้ไข และจุดที่ผู้ใช้มักลังเล

วิธีรับมือกับข้อความแสดงข้อผิดพลาด

ระหว่างอัปเกรด อาจพบข้อความผิดพลาดเหล่านี้:

ตัวอย่าง 1: “Unable to fetch some archives, maybe run apt-get update or try with –fix-missing?”

หมายความว่าไม่สามารถดึงแพ็คเกจบางส่วนมาได้ ลองคำสั่งนี้

sudo apt update --fix-missing

หลังจากนั้นลองอัปเกรดใหม่ ส่วนใหญ่จะดำเนินการต่อได้

ตัวอย่าง 2: “dpkg was interrupted, you must manually run ‘sudo dpkg –configure -a'”

แปลว่าการติดตั้งหยุดชะงัก ใช้คำสั่งนี้เพื่อลองแก้ไข

sudo dpkg --configure -a

หลังจากนั้นให้รัน sudo apt upgrade อีกครั้งเพื่อตรวจสอบสถานะ

การเลือกปรับปรุงไฟล์ตั้งค่าระหว่างอัปเกรด

ระหว่างอัปเกรด อาจมีคำถามว่าจะแทนที่ไฟล์ตั้งค่าใหม่ (เช่น /etc/default/grub หรือ /etc/ssh/sshd_config) หรือไม่

โดยทั่วไปจะมีตัวเลือกดังนี้:

  • คงไฟล์ตั้งค่าเดิม
  • ใช้ไฟล์เวอร์ชันใหม่
  • เปรียบเทียบความแตกต่างของไฟล์ (กด d เพื่อดู diff)

ควรเลือกแบบไหน?

  • ถ้าไม่เคยปรับแต่งไฟล์ตั้งค่า → ใช้เวอร์ชันใหม่
  • ถ้าปรับแต่งไฟล์เองไว้ → คงเวอร์ชันเดิม

อย่างไรก็ดี สามารถเปรียบเทียบและแก้ไขภายหลังได้ แนะนำให้ดู diff และพิจารณาให้ถี่ถ้วน

ระวังปัญหาไฟฟ้า/เน็ตขาดระหว่างอัปเกรด

ถ้าไฟฟ้าดับหรือเน็ตขาดระหว่างอัปเกรด อาจทำให้ระบบไม่เสถียรได้ โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กควร:

  • เสียบอะแดปเตอร์ไว้ตลอด
  • มีอินเทอร์เน็ตที่เสถียร
  • เตรียมเวลาว่างเพียงพอสำหรับกระบวนการนี้

ถ้าปฏิบัติตามข้างต้น จะสามารถอัปเกรด Ubuntu ได้อย่างมั่นใจ

4. ตรวจสอบหลังอัปเกรด

หลังอัปเกรด Ubuntu สำเร็จ ควรตรวจสอบและตั้งค่าบางอย่างเพื่อให้ใช้งานได้เสถียรและสะดวกที่สุด จุดที่ควรทำมีดังนี้

ตรวจสอบเวอร์ชันของระบบ

ตรวจสอบว่าอัปเกรดสำเร็จจริงหรือไม่ ด้วยคำสั่งนี้ในเทอร์มินัล

lsb_release -a

ตัวอย่างผลลัพธ์:

Distributor ID: Ubuntu
Description:    Ubuntu 24.04 LTS
Release:        24.04
Codename:       noble

ถ้าขึ้นเป็นเวอร์ชันที่ต้องการ แสดงว่าอัปเกรดสำเร็จแล้ว

ลบแพ็คเกจที่ไม่จำเป็นอีกครั้ง

หลังอัปเกรด อาจมีไฟล์หรือไลบรารีที่ไม่จำเป็นหลงเหลืออยู่ เพื่อลดภาระและเพิ่มเสถียรภาพ ใช้คำสั่งนี้ลบไฟล์ที่ไม่ใช้

sudo apt autoremove
sudo apt clean

ช่วยให้ดิสก์ว่างขึ้นและระบบคล่องตัวขึ้น

ตรวจสอบการตั้งค่าภาษาและคีย์บอร์ด

หลังอัปเกรด อาจเจอปัญหาการพิมพ์ภาษาไทยหรือ IME ไม่ทำงาน เช่น IBus หรือ Fcitx หากพิมพ์ไม่ได้หรือหายไป ให้ลองวิธีนี้

กรณีใช้ Fcitx:

sudo apt install fcitx-mozc
im-config -n fcitx

หลังออกจากระบบหรือรีบูตจะใช้งาน IME ได้

ตั้งค่า Locale ใหม่:

sudo dpkg-reconfigure locales

ใช้เมื่อภาษาเปลี่ยนกลับไปเป็นอังกฤษหรือมีปัญหาการแสดงผลภาษา

ตรวจสอบแอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม

บางกรณี PPA (Personal Package Archives) หรือ Snap app อาจใช้งานไม่ได้ ตรวจสอบดังนี้:

  • แอปที่ใช้บ่อยเปิดได้ปกติหรือไม่
  • PPA ถูกปิดการใช้งานหรือเปล่า (ถ้าจำเป็นต้องเพิ่มใหม่)
  • Snap app ยังคงอัปเดตอัตโนมัติหรือไม่

การเปิดใช้งาน PPA ใหม่ ให้ดูไฟล์ /etc/apt/sources.list.d/ แล้วเพิ่มหรือรับรองใหม่ตามต้องการ

ทั้งหมดนี้คือจุดตรวจสอบหลังอัปเกรด Ubuntu หากไม่มีปัญหาสามารถใช้งานต่อได้เลย

5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

รวมคำถามที่ผู้ใช้ถามบ่อยเกี่ยวกับการอัปเกรด Ubuntu พร้อมคำตอบ เหมาะทั้งสำหรับผู้ที่กำลังจะอัปเกรดหรือทำสำเร็จแล้ว

Q1. ใช้เวลาเท่าไรในการอัปเกรด Ubuntu?

A1. ขึ้นอยู่กับระบบและความเร็วอินเทอร์เน็ต โดยปกติใช้เวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง ถ้าอัปเกรดข้ามหลายเวอร์ชัน (เช่น 18.04 → 22.04) หรือเครื่องช้า อาจต้องใช้เวลามากขึ้น ควรจัดเวลาล่วงหน้า

Q2. ถ้าเครื่องดับระหว่างอัปเกรดควรทำอย่างไร?

A2. ถ้าเครื่องดับอาจทำให้ไฟล์ระบบเสียหาย ให้ลองทำตามนี้:

  1. บูตเครื่องในโหมด recovery (GRUB > Advanced options > Recovery mode)
  2. ลองคำสั่งเหล่านี้เพื่อซ่อมแซม
sudo dpkg --configure -a
sudo apt update
sudo apt upgrade
  1. ถ้าอาการแย่ลง ให้คืนค่าจากแบ็กอัปหรือใช้ Live USB กู้ข้อมูล

Q3. LTS กับรุ่นปกติต่างกันอย่างไร?

A3. LTS (Long Term Support) มีซัพพอร์ต 5 ปี เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์หรือใช้งานจริงจัง ส่วนรุ่นปกติ (interim release) ได้รับฟีเจอร์ใหม่เร็วแต่ซัพพอร์ตแค่ 9 เดือน

  • ควรเลือก LTS ถ้า: ใช้กับเซิร์ฟเวอร์, งานธุรกิจ, ต้องการเสถียรภาพ
  • เลือกรุ่นปกติถ้า: อยากลองของใหม่, เป็นนักพัฒนา, ผู้ใช้ขั้นสูง

Q4. สามารถอัปเกรดข้ามหลายเวอร์ชันได้ไหม?

A4. โดยทั่วไปต้องอัปเกรดทีละเวอร์ชัน เช่น 18.04 LTS → 20.04 LTS → 22.04 LTS แต่อัปเกรด LTS → LTS สามารถทำได้โดยใช้ do-release-upgrade ถ้าระบบรองรับ

Q5. ถ้าอัปเกรดแล้วเกิดปัญหา สามารถย้อนกลับได้หรือไม่?

A5. Ubuntu ไม่มีฟีเจอร์ “rollback” แบบ Windows ดังนั้นควรสำรองข้อมูลไว้ก่อน ถ้าต้องการย้อนกลับ ให้ลงใหม่ด้วย ISO ของเวอร์ชันเก่าแล้วคืนค่าจากแบ็กอัป

FAQ เหล่านี้อ้างอิงจากประสบการณ์ของผู้ใช้ Ubuntu จริง เพื่อให้ทุกคนอัปเกรดได้อย่างมั่นใจ