1. บทนำ
สำหรับผู้ใช้ Ubuntu คำสั่ง ls
เป็นคำสั่งพื้นฐานที่มีความสำคัญมาก ls
ช่วยให้สามารถแสดงรายการไฟล์และไดเรกทอรีได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำงานประจำวัน หากคุณสามารถใช้คำสั่งนี้ได้อย่างชำนาญ จะสามารถจัดการไฟล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานได้อย่างมาก บทความนี้จะอธิบายการใช้งานพื้นฐานจนถึงขั้นสูงของคำสั่ง ls
ใน Ubuntu โดยอธิบายอย่างละเอียดให้ทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ระดับกลางเข้าใจได้
2. พื้นฐานของคำสั่ง ls
2.1 คำสั่ง ls
คืออะไร
คำสั่ง ls
ใช้สำหรับแสดงรายการไฟล์และไดเรกทอรีที่อยู่ในไดเรกทอรีปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ Ubuntu เท่านั้น แต่แทบทุกระบบ Linux ก็ใช้คำสั่งนี้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น เพียงแค่พิมพ์ ls
ก็สามารถดูไฟล์และโฟลเดอร์ในไดเรกทอรีได้ทันที
$ ls
Desktop Documents Downloads Music Pictures Videos
2.2 ตัวเลือกพื้นฐาน
ls
มีตัวเลือกเสริมหลายแบบ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งวิธีแสดงผลได้ นี่คือตัวเลือกพื้นฐานบางส่วน
- ตัวเลือก
-l
เป็นตัวเลือกที่แสดงข้อมูลรายละเอียดของไฟล์ เช่น สิทธิ์การเข้าถึง เจ้าของ ขนาดไฟล์ และวันที่แก้ไขล่าสุด
$ ls -l
drwxr-xr-x 2 user user 4096 Sep 24 10:00 Documents
-rw-r--r-- 1 user user 2048 Sep 24 09:00 example.txt
- ตัวเลือก
-a
แสดงไฟล์ที่ซ่อนไว้ (ไฟล์ที่ขึ้นต้นด้วย.
) ด้วย เหมาะสำหรับดูไฟล์ตั้งค่าที่ปกติจะไม่แสดง
$ ls -a
. .. .bashrc .profile Documents
- ตัวเลือก
-t
จัดเรียงไฟล์ตามวันที่แก้ไขล่าสุด เหมาะสำหรับค้นหาไฟล์ที่เพิ่งแก้ไข
$ ls -t
example.txt Documents Pictures Music

3. อธิบายตัวเลือกโดยละเอียด
3.1 ตัวเลือกที่ใช้บ่อย
ตัวเลือกที่ใช้บ่อยกับคำสั่ง ls
บน Ubuntu มี 3 ตัวดังนี้
- ตัวเลือก
-l
เหมาะสำหรับการแสดงรายละเอียดไฟล์ เหมาะกับงานจัดการระบบหรือการตรวจสอบไฟล์ เช่น สิทธิ์การเข้าถึง เจ้าของ กลุ่ม ขนาด และวันที่แก้ไขล่าสุด - ตัวเลือก
-a
แสดงไฟล์ที่ซ่อน เหมาะสำหรับตรวจสอบไฟล์ตั้งค่าของระบบหรือของผู้ใช้ - ตัวเลือก
-h
แสดงขนาดไฟล์ในรูปแบบที่อ่านง่าย (เช่น KB, MB) เหมาะสำหรับการจัดการไฟล์ขนาดใหญ่
$ ls -lh
drwxr-xr-x 2 user user 4.0K Sep 24 10:00 Documents
-rw-r--r-- 1 user user 2.0M Sep 24 09:00 example.txt
3.2 การใช้ตัวเลือกหลายอย่างร่วมกัน
ตัวเลือกของ ls
สามารถใช้ร่วมกันได้ เช่น ls -la
คือแสดงข้อมูลรายละเอียดพร้อมกับแสดงไฟล์ที่ซ่อนด้วย เหมาะสำหรับตรวจสอบไฟล์ทุกประเภทแบบละเอียด
$ ls -la
total 64
drwxr-xr-x 5 user user 4096 Sep 24 10:00 .
drwxr-xr-x 3 root root 4096 Sep 24 09:00 ..
-rw-r--r-- 1 user user 2048 Sep 24 09:00 .bashrc
-rw-r--r-- 1 user user 1024 Sep 24 08:00 .profile
4. วิธีอ่านผลลัพธ์ของคำสั่ง ls
4.1 สิทธิ์และข้อมูลเจ้าของไฟล์
ผลลัพธ์ที่ได้จาก ls -l
จะแบ่งเป็นหลายคอลัมน์ ซึ่งแต่ละคอลัมน์มีความหมายดังนี้
- ประเภทของไฟล์: ตัวอักษรตัวแรกแสดงประเภทไฟล์
-
หมายถึงไฟล์ปกติd
คือไดเรกทอรีl
คือซิมโบลิกลิงก์ - สิทธิ์ (Permission): อักขระ 9 ตัวถัดมาคือสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ เช่น
rwxr-xr-x
หมายถึง เจ้าของอ่าน/เขียน/รันได้ กลุ่มและอื่นๆ อ่าน/รันได้
-rw-r--r-- 1 user user 2048 Sep 24 09:00 example.txt
4.2 ขนาดไฟล์และวันที่แก้ไข
- ขนาดไฟล์: แสดงเป็นไบต์ หากใช้
-h
จะเห็นหน่วยที่อ่านง่ายขึ้น - วันที่แก้ไข: แสดงวันและเวลาที่ไฟล์ถูกแก้ไขล่าสุด เหมาะสำหรับติดตามการเปลี่ยนแปลงไฟล์
5. ตัวเลือกขั้นสูงและตัวอย่างการประยุกต์
5.1 การเรียงลำดับตามขนาดไฟล์
ถ้าต้องการเรียงลำดับไฟล์ตามขนาด ใช้ตัวเลือก ls -S
ไฟล์ที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ด้านบน ช่วยในการจัดการพื้นที่ดิสก์
$ ls -lS
-rw-r--r-- 1 user user 2048000 Sep 24 09:00 largefile.txt
-rw-r--r-- 1 user user 1024 Sep 24 08:00 smallfile.txt
5.2 แสดงโฟลเดอร์ย่อยแบบเรียงซ้อน
ใช้ตัวเลือก ls -R
เพื่อแสดงไฟล์ทั้งหมดรวมถึงโฟลเดอร์ย่อย เหมาะสำหรับตรวจสอบโครงสร้างไดเรกทอรีขนาดใหญ่
$ ls -R
.:
Documents Downloads Music
./Documents:
report.docx
./Downloads:
setup.zip

6. เปรียบเทียบกับคำสั่งจัดการไฟล์อื่น
คำสั่ง ls
สามารถใช้ร่วมกับคำสั่งอื่นได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
6.1 ใช้ร่วมกับ find
ถ้าใช้ร่วมกับ find
จะสามารถแสดงเฉพาะไฟล์ที่ตรงตามเงื่อนไข เช่น ไฟล์ที่มีนามสกุลเฉพาะ แล้วนำผลลัพธ์มาแสดงรายละเอียดด้วย ls
$ find . -name "*.txt" | xargs ls -l
6.2 ใช้ร่วมกับ grep
สามารถใช้ grep
เพื่อแสดงเฉพาะชื่อไฟล์ที่มีข้อความที่ต้องการ เหมาะสำหรับค้นหาไฟล์จากชื่อจำนวนมาก
$ ls | grep "example"
example.txt
example2.txt
7. การแก้ปัญหาที่พบบ่อย
7.1 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข
- การแก้ไข Permission Denied
ถ้าเจอข้อผิดพลาด “Permission Denied” (ไม่มีสิทธิ์เข้าถึง) มักเป็นเพราะไม่มีสิทธิ์ในไดเรกทอรีนั้น ให้ใช้sudo
เพื่อเรียกใช้คำสั่งในสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ
$ sudo ls /root
เมื่อใช้ sudo
จะสามารถเข้าถึงโฟลเดอร์หรือไฟล์ที่ถูกจำกัดได้ แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังเมื่อจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ผู้ดูแล
- เมื่อหาไฟล์ไม่เจอ
ถ้าไม่เจอไฟล์หรือโฟลเดอร์ ให้ลองใช้ls -a
เพื่อดูไฟล์ที่ซ่อน หรืออาจจะตรวจสอบว่าเส้นทาง (path) ที่ระบุถูกต้องหรือไม่
$ ls -a
และอย่าลืมตรวจสอบว่าพาธที่กำหนดถูกต้องหรือไม่ ถ้าพาธผิดก็จะไม่แสดงไฟล์ที่ต้องการ
8. สรุป
คำสั่ง ls
เป็นคำสั่งพื้นฐานในการจัดการไฟล์ในระบบ Ubuntu และ Linux สามารถแสดงรายการไฟล์ ตรวจสอบรายละเอียด หรือจัดเรียงไฟล์ด้วยตัวเลือกต่าง ๆ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้ได้แนะนำตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง รวมถึงวิธีใช้ร่วมกับคำสั่งอื่น
ถ้าใช้ ls
เป็นประจำ จะช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการไฟล์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และยังรู้วิธีรับมือกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณใช้งาน ls
ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น